วันพฤหัสบดีที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2555
ข้อคิด เพื่อชีวิตที่ดีของการทำงาน
1. มนุษย์สัมพันธ์: ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่เพื่อนๆที่ทำงานไม่ชอบ ไม่อยากคุยด้วย หรือ เข้ากับเพื่อนในที่ทำงานไม่ได้เลย คงต้องถึงเวลาพิจารณา และ ปรับปรุง ทักษะด้านสัมพันธ์กันเร่งด่วนแล้วละ อย่ามัวแต่หลอกตัวเองว่า เราดีแล้ว เป็นไปไม่ได้หรอกเพราะถ้าเราดีจริงแล้วเราจะไม่มีเพื่อนเอาเลยหรือ มนุษย์สัมพันธ์เป็นเรื่องที่สำคัญมาก คุณไม่มีทางประสบความสำเร็จได้ ถ้ามนุษย์สัมพันธ์คุณแย่มากๆ ต่อให้คุณเก่งแค่ไหนก็ตาม มนุษย์เป็นสัตว์สังคม และ แน่นอนคุณเลี่ยงไม่พ้นที่จะต้องติดต่อกับคนอื่น
และถ้าคนในองค์กรคุณยังไม่สามารถทำได้ดี ก็คงลำบากถ้าจะให้หัวหน้าคุณเห็นว่า คุณจะสามารถทำได้ดีกับคนภายนอกองค์กร เพราะฉะนั้น เรามาสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนๆ ในองค์กรกันก่อนดีกว่า
2. ทีม: คุณทำงานเป็นทีมได้หรือเปล่า เคยสังเกตตัวเองไหมว่า คุณทำงานเป็นทีมได้ดีแค่ไหน หรือว่า ต้องทำงานคนเดียวถึงจะดี?
ในอนาคต การทำงานจะเน้นบุคคลที่ทำงานเป็นทีมได้ดีมากกว่าคนที่ชอบทำงานคนเดียว คุณทราบหรือไม่ว่า ในขณะนี้ทุกมหาวิทยาลัยในอเมริกา มีคอร์สฝึกสอนการทำงานเป็นทีมเพื่อรองรับความต้องการตลาดแรงงานในอนาคต ทำไมต้องเน้นเป็นทีมนะหรือคะ? ก็ต่อไปโลกเราก็จะแคบลงเพราะการพัฒนาในด้านต่างๆมีมากขึ้น การทำงานก็ต้องเป็นทีมมากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นผู้มีทักษะในการทำงานเป็นทีม และ เป็นผู้ร่วมทีมที่ดีจะเป็นข้อจำเป็นในการทำงานทุกที่
3. Committed: หรือ ข้อตกลงในการทำงานระหว่างคุณกันคนอื่นๆไง นึกไว้เสมอเลยนะว่า อะไรที่คุณรับปากกับใครก็แล้วแต่ คุณต้องรับผิดชอบ และ ทำให้ได้ตามที่รับปาก ถ้าไม่ได้ หรือว่าล่าช้ากว่าที่เรารับปาก คุณต้องแจ้งล่วงหน้าให้แก่บุคคลที่คุณรับปากอย่างน้อยสองหรือสามวัน อันนี้เป็นมารยาททางการทำงานที่ดี เพราะฉะนั้นก่อนที่คุณจะรับปากใครในเรื่องของการทำงาน คิดให้รอบคอบก่อนนะ
4. ฉันเป็นฉันเอง: ประเภทสาวมั่น หนุ่มมั่น ที่เราอาจจะเห็นจากทีวี หรือ ภาพยนตร์ ถ้าจะนำมาใช้คุณต้องดูเวลา และ สถานที่ให้ดีก่อนนะไม่งั้นแทนที่จะช่วยเสริมให้คุณดูดี มีภาพพจน์ กลับจะทำลายอนาคต ทางการทำงานของคุณไปเลย หลักการที่ดี ก็คือ ดูบุคคลที่เราติดต่อด้วย และ จะมั่นใจอะไร ก็ควรกระทำอย่างพอดี และเราจะเป็นที่ชื่นชมว่าเป็นคนมีมารยาท และประสบความสำเร็จในการติดต่อทางธุรกิจ
ในความเป็นจริงการติดต่อธุรกิจ คุณไม่สมควรใช้เหตุผลของสาวมั่นหรือหนุ่มมั่นมาใช้มากกว่าการเป็นคนเรียบร้อยมีมารยาท เพราะฉะนั้นข้อนี้ต้องระวังให้ดีนะคะ ใช้ให้ถูกที่ และ ถูกเวลา
5. ขออยู่เงียบๆคนเดียว: ข้อนี้สำคัญมาก อย่าพยายามทำตัวไม่แคร์ใคร ไม่รู้จักใคร เพราะสุดท้ายคุณจะเวียนไปหัวข้อแรก และ แน่นอน คุณจะเป็นคนแรกที่ทุกคนลืม อย่าเป็นคนที่เครียดง่าย สนุกยาก ใครๆเข้าหายาก คงจะดีกว่า ถ้าคุณจะทำตัวเป็นคนที่ยิ้มง่าย และ เป็นมิตรกับทุกคน เวลาเศร้า เก็บไว้กับคนสนิท และรู้ใจดีกว่านะ
6. ธุระส่วนตัว: ธุระทุกประเภทที่เป็นส่วนตัวของคุณ คุณอย่าใช้เวลาทำงานมาทำเป็นอันขาดเชียวนะ จำไว้เลยนะคะ เบอร์โทรศัพท์เอาไว้ให้เฉพาะลูกค้าที่จะโทรติดต่อเรื่องงาน อย่าให้เบอร์ที่ทำงานกับเพื่อนหรือแฟน แล้วก็คุยกันนอกเรื่องกันเป็นวันๆ รับรองได้ว่า อนาคตทางการงานของคุณคงจะไม่รุ่งแน่นอน เพื่อให้ประสบความสำเร็จทางการทำงานบางท่านถึงกับตั้งกฎไว้กับตัวเองเลยก็มีว่า ในชั่วโมงการทำงาน เขาจะไม่ทำอะไรที่ไม่ใช่งาน เช่น ไม่อ่านหนังสือพิมพ์ ไม่คุยโทรศัพท์ส่วนตัว ไม่ไปธนาคาร สำหรับธุระส่วนตัวก็จะใช้เวลาที่ไม่ใช่เวลางานเท่านั้น
7. ความรัก: ไม่ได้เด็ดขาดสำหรับความคิดที่จะมีความรักในที่ทำงานเดียวกัน จริงๆคุณก็ทำได้ แต่รับรองได้ว่า มันจะทำลายอนาคตการทำงานของคุณ เพราะทุกคนจะมองเหมือนจับผิดว่าคุณใช้เวลาในการทำงาน มาสร้างตำนานรักมากกว่า อย่าเสี่ยงจะดีกว่านะ
8. เป้าหมาย: เป้าหมาย และ เป้าหมาย เป็นสิ่งสำคัญ สำหรับเจ้านายของคุณ ถ้าคุณทำงานแบบมีเป้าหมายว่า งานแต่ละอย่างที่อยู่ในความรับผิดชอบของคุณมีแผนการเสร็จเมื่อไหร่ คุณมีเป้าหมายในการทำงานอย่างไรให้ประสบความสำเร็จตามที่หัวหน้า หรือ บริษัทตั้งเป้า ถึงคุณจะทำไม่ได้จริง [แต่คุณต้องพยายามเต็มที่แล้วนะ] รับรองได้ว่า หัวหน้าคุณคงมองคุณแบบไม่ธรรมดา และจะเป็นโอกาสที่ดีของคุณในการทำตัวให้น่าเชื่อถือ แต่ระวังอย่าใช้เป้าหมายมาพูดและทำไม่เคยได้เลย เพราะจะกลายเป็นการคุยอวดมากกว่า
9. บุคลิก: สุภาษิตที่ว่า ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง ยังคงใช้ได้ดีเสมอ บุคลิก และ การแต่งกาย เป็นองค์ประกอบอย่างหนึ่งที่จะช่วยกำหนดความสำเร็จทางการทำงานของคุณ อย่าพยายามแต่งกายมากเกินไป หรือ น้อยเกินไป และที่สำคัญ อย่าแต่งกาย แบบที่ไม่ใช่คุณ คุณอาจจะเห็นดารา นางแบบ ใส่เสื้อตัวหนึ่งสวย แต่ก็ไม่ใช่ว่า จะสวยเหมือนนางแบบถ้าคุณเอามาใส่ การแต่งกายที่ดี สำหรับการทำงาน ก็คือ สุภาพ และ โชว์บุคลิกเฉพาะของคุณออกมา
ถ้าคุณยังไม่แน่ใจว่า แต่งกายแบบไหนเหมาะกับคุณ ขอแนะนำให้ถามคนที่คุณสนิท และจริงใจกับคุณ คุณก็จะได้แนวการแต่งกายที่เหมาะกับคุณ หรือถ้ามีตังค์ก็อยากแนะนำให้หาผู้เชี่ยวชาญเฉพาะ แต่ก็ต้องระวังนะคะ หลายสถาบันสอนบุคลิกภาพ ชอบสอนให้แต่งตัวแบบเหมือนๆกันหมด จนบังความมีเสน่ห์ของคุณไปเลยก็ได้ ดีไม่ดีกลายเป็นหุ่นยนต์รุ่นต่างๆที่เราเห็นก็ทราบทันทีว่าไปเข้าสถาบันสอนบุคลิกภาพที่ไหนมา ทางที่ดีต้องปรึกษาหลายคนๆก่อนตัดสินใจนะคะ
10. หัวหน้า: หัวหน้าก็คือหัวหน้า อันนี้คุณต้องระวังอย่างมาก อย่าทำตัวสนิทกับหัวหน้า จนคุณเผลอ ทำตัวไม่เคารพ หรือ เผลอเล่นจนเกินงาม สำหรับหัวหน้า สิ่งที่ดีและ เป็นประโยชน์กับคุณมากที่สุด ก็คือ การให้เกียรติ และ แน่นอน ทุกครั้งที่คุณอยู่กับหัวหน้า หน้าที่หลักของคุณคือ การทำให้หัวหน้าของคุณ ดูดี อยู่เสมอในสายตาผู้อื่น จะด้วยคำพูด การกระทำ คุณก็ไม่มีสิทธ์ทำให้หัวหน้าของคุณกลายเป็นตัวตลก เสียหน้า หรือ ดูไม่ดีในสายตาคนอื่น โดยเด็ดขาด
11. นินทา: อย่าได้เผลอตัวไปอยู่ในกลุ่มของการนินทาใดๆในที่ทำงานโดยเด็ดขาด เพราะสุดท้ายคุณจะกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด หรือดีไม่ดี กลายเป็นผู้เริ่มการนินทา โดยคุณไม่ได้ทำ ถ้าคุณต้องเจอภาวะการณ์คุยแบบไม่ได้ประโยชน์ หรือ การนินทาขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทางออกที่ดีของคุณก็คือ อย่าพูดเห็นด้วย หรือ ไม่เห็นด้วย โดยเด็ดขาด คุณทำได้แค่ นั่งฟัง โดยไม่ออกความคิด ให้บอกว่าไม่แน่ใจ หรือ ไม่รู้ หรือขอตัวออกจากวงสนทนา อ้างว่าไปห้องน้ำหรือมีธุระต้องทำ ที่นี้คุณก็ไม่เสียเพื่อน และ ก็ไม่เสียงานอีกต่างหาก
12. สร้างสรรค์: หัวใจของความสำเร็จทางการทำงาน คือ ความคิดสร้างสรรค์ อย่าพยายามเป็นคน ใครว่าอะไร ฉันก็เห็นด้วยไปเสียทุกอย่าง คุณไม่จำเป็นต้องเถียง หรือ โต้แย้ง ถ้าคุณยังไม่มีข้อมูล หรือ ยังไม่กล้าพูด แต่ คุณต้องพยายามฝึกสมองของคุณให้คิดในแบบของคุณอยู่เสมอ ทุกการทำงานของคุณ คุณต้องพยายามคิดว่า คุณจะทำอะไรเพิ่มเติมให้งานที่ทำอยู่ปัจจุบัน ดีขึ้น สะดวกขึ้นกว่าเดิมได้ไหม หลักของการเป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์ง่ายๆ ก็คือ กล้าคิด คิดให้บ่อย คิดให้มาก และคุณก็จะเป็นคนคิดสร้างสรรค์
ทั้งหมด 12 ข้อ เป็นสิ่งที่เราจะต้องระลึกอยู่เสมอในการทำงาน เพื่อส่งเสริมการทำงานของเราให้ประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น ที่นี้เราก็สามารถมั่นใจได้ว่า นอกจากเราจะเก่งงานที่รับผิดชอบ เรายังเก่งในการเป็นเพื่อน และ ผู้ทำงานที่ดีขององค์กรด้วย
เป็นบทความที่ดีมากอีกบทความหนึ่ง ก็ขอฝากไว้ให้กับคนทำงานทุกคน แต่สำหรับคนที่ยังไม่ทำงาน ก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้
สร้างมนุษยสัมพันธ์ สร้างความคิดที่ดี ชีวิตการทำงานก็จะเป็นสุข อย่าลืมนะครับ
credit : http://paaying.wordpress.com
วันพุธที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2555
7 วิธีสร้างสุขให้ชีวิต
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องเงิน และเรื่องส่วนตัว แล้วความทุกข์ใจแอบย่องเข้ามาตั้งแต่เมื่อไร เราจะจัดการกับมันอย่างไร เพื่อให้ความสุขอยู่กับเราตลอดไป
นี่คือ 7 วิธีง่ายๆ ที่จะทำให้ความสุขอยู่เคียงคู่กับคุณตลอดไป
1.มีความรัก เมตตา และมีน้ำใจให้สรรพสิ่งรอบตัว เริ่มจากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เช่น ช่วยเหลือสัตว์ที่ได้รับบาดเจ็บ กดลิฟต์รอคนอื่นๆ ขับรถอย่างมีน้ำใจ หยุดรถให้คนข้ามถนน และอย่าลืมส่งยิ้มให้ผู้คนรอบข้าง แค่นี้ ความสุขของคุณก็เริ่มขึ้นแล้ว
2.มีความเชื่อมั่นและมีภูมิใจในตัวเองอยู่ตลอดเวลา ความคิดและคำพูดที่ว่า ฉันโง่ ฉันไม่เก่ง ฉันขี้เกียจ ฉันสวยน้อยกว่าคนอื่น เหล่านี้ลืมไปได้เลย คิดเสมอว่าเราเป็นคนหนึ่งที่มีศักยภาพไม่ด้อยไปกว่าใคร
3.ทำในสิ่งที่อยากทำอย่างเต็มที่ ทั้งเรื่องงานหลัก งานอดิเรก การเล่นกีฬา หรือกิจกรรมอื่นใดก็ตาม ถ้าชอบแล้วละก็ ทุ่มเททำไปให้เต็มที่แล้ว ความสุขจะหนีไปไหนเสีย
4.มอบความไว้วางใจให้ผู้อื่นบ้าง เปิดใจให้กว้าง รับฟังทุกเสียงอย่างพิจารณา อย่างน้อยก็เป็นการแบ่งเบาภาระความรับผิดชอบต่างๆ ลงได้บ้าง
5.มองวันนี้อย่างมีความสุข โยนอดีตที่ไม่ดีหรือความผิดพลาดที่ไม่น่าจดจำทิ้งไป
เหลือไว้แค่เป็นบทเรียน
6.ยอมรับความจริงด้วยความเข้าใจ เพราะอยู่ดีๆ อาจถูกนินทาว่าร้าย หรือต้องกังวลกับสิ่งที่เข้ามากระทบกับชีวิต อย่าท้อแท้ หรือถอยหนีกับเรื่องราวแย่ๆพวกนี้ การถอยหรือหนีปัญหา อาจรู้สึกดีชั่วครั้งคราว แต่การเผชิญหน้ากับปัญหาทุกเรื่องอย่างเข้าใจและมีสติ เพียงเท่านี้ก็ยิ้มรับความสุขได้เท่าที่ต้องการ
7.คิดพร้อมกับวางแผนการจับจ่ายใช้สอย และบริหารจัดการการเงินในกระเป๋าอย่างรอบคอบ หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเรื่องการวางแผนการใช้เงินใกล้บ้าน
วันจันทร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2555
ความรักกับการคาดหวัง
ความรัก กับการคาดหวัง
*รัก* ไม่มีคำว่าเศร้า ทุกข์ ขมขื่น หรือทำอะไรให้รู้สึกไม่ดี
*รัก* มีแต่สิ่งดีๆ ให้กันและกัน
สิ่งไม่ดีที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากรัก แต่เกิดจากการคาดหวัง
ที่แต่ละคนคิดว่าหากรักกันแล้ว...ต้องทำให้ได้ทุกอย่าง
ในความป็นจริงแล้วใช่อย่างนั้นหรือ...
การคาดหวังเกิดขึ้นได้กับทุกคน
แล้วจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อสิ่งที่คาดหวังของคนสองคนไม่ตรงกัน
คุณคงนึกภาพออก...
แล้วยิ่งถ้าคุณทำอะไรเพื่อคนที่คุณรักแล้ว แต่ไม่ตรงกับคนที่รักคุณ
คาดไว้สิ่งนั้นก็หมดความหมาย...
คนทำก็หมดกำลังใจ ทำตั้งเยอะไม่ได้อะไร ตอบแทนเลย
จึงกลายเป็นการเรียกร้องเกิดขึ้น
เมื่อคุณเป็นฝ่ายให้แล้ว ทำไมอีกฝ่ายไม่เป็นฝ่ายให้บ้าง
โดยคุณอาจลืมไปว่า อีกฝ่ายก้ได้ให้คุณเหมือนกัน
เพียงแต่สิ่งนั้นไม่ได้ตรงกับที่คุณคาดไว้ และมันไม่มีความหมายกับคุณเลย
เมื่อคน 2 คนคิดไม่ตรงกัน... ที่ต้องการจะเป็นฝ่ายรับ
หรือเรียกร้องที่จะรับ โดยบอกให้อีกฝ่ายเป็นฝ่ายให้...
ความทุกข์ต่างๆ ก็จะตามมา
*รัก* ไม่ต้องคาดหวัง...
ทำให้เมื่ออยากทำ...ไม่ต้องรอสิ่งตอบแทน...
และรับในสิ่งที่อีกฝ่ายให้เมื่อเขาอยากให้.... ไม่ต้องเรียกร้อง
เป็นตัวของตัวเองในบางครั้ง...
โอนอ่อนในบางที...
สิ่งดีๆ ก็จะเกิด *รัก* ก็จะปรากฎ
*รัก* ไม่มีคำว่าเศร้า ทุกข์ ขมขื่น หรือทำอะไรให้รู้สึกไม่ดี
*รัก* มีแต่สิ่งดีๆ ให้กันและกัน
สิ่งไม่ดีที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากรัก แต่เกิดจากการคาดหวัง
ที่แต่ละคนคิดว่าหากรักกันแล้ว...ต้องทำให้ได้ทุกอย่าง
ในความป็นจริงแล้วใช่อย่างนั้นหรือ...
การคาดหวังเกิดขึ้นได้กับทุกคน
แล้วจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อสิ่งที่คาดหวังของคนสองคนไม่ตรงกัน
คุณคงนึกภาพออก...
แล้วยิ่งถ้าคุณทำอะไรเพื่อคนที่คุณรักแล้ว แต่ไม่ตรงกับคนที่รักคุณ
คาดไว้สิ่งนั้นก็หมดความหมาย...
คนทำก็หมดกำลังใจ ทำตั้งเยอะไม่ได้อะไร ตอบแทนเลย
จึงกลายเป็นการเรียกร้องเกิดขึ้น
เมื่อคุณเป็นฝ่ายให้แล้ว ทำไมอีกฝ่ายไม่เป็นฝ่ายให้บ้าง
โดยคุณอาจลืมไปว่า อีกฝ่ายก้ได้ให้คุณเหมือนกัน
เพียงแต่สิ่งนั้นไม่ได้ตรงกับที่คุณคาดไว้ และมันไม่มีความหมายกับคุณเลย
เมื่อคน 2 คนคิดไม่ตรงกัน... ที่ต้องการจะเป็นฝ่ายรับ
หรือเรียกร้องที่จะรับ โดยบอกให้อีกฝ่ายเป็นฝ่ายให้...
ความทุกข์ต่างๆ ก็จะตามมา
*รัก* ไม่ต้องคาดหวัง...
ทำให้เมื่ออยากทำ...ไม่ต้องรอสิ่งตอบแทน...
และรับในสิ่งที่อีกฝ่ายให้เมื่อเขาอยากให้.... ไม่ต้องเรียกร้อง
เป็นตัวของตัวเองในบางครั้ง...
โอนอ่อนในบางที...
สิ่งดีๆ ก็จะเกิด *รัก* ก็จะปรากฎ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)